241-300

Fallacies 241–300

รวมตรรกะวิบัติข้อ 241–300

💬 “เราขับเก่งกว่าคนทั่วไป งานเราก็เร็วกว่า จำทางก็เก่ง”

📘 → ข้อ 241: Better-than-average effect (ดีกว่าค่าเฉลี่ย)

🧠 คิดว่าตัวเองเก่งกว่าคนทั่วไปทั้งที่ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นแบบนั้นได้

💬 “ดวงวันนี้ว่าเรากังวลแต่มีเสน่ห์ แบบแม่นมาก!”

📘 → ข้อ 242: Forer/Barnum effect (ฟอเรอร์/บาร์นัม)

🧠 เชื่อคำทำนายที่คลุมเครือเพราะรู้สึกว่า “ตรงมาก”

💬 “เราหน้าตึง เพื่อนต้องรู้ว่าเราเครียดแน่”

📘 → ข้อ 243: Illusion of transparency (มายาคติความโปร่งใส)

🧠 คิดว่าคนอื่นจะอ่านใจเราออก ทั้งที่เขาอาจไม่รู้

💬 “เราพิมพ์ผิด เพื่อนต้องอายแทนเราแน่เลย”

📘 → ข้อ 244: Spotlight effect (สปอตไลต์เอฟเฟกต์)

🧠 คิดว่าทุกคนมองเราตลอดเวลา ทั้งที่ไม่มีใครสนใจขนาดนั้น

💬 “ห้ามโพสต์เหรอ งั้นต้องโพสต์!”

📘 → ข้อ 245: Reactance (แรงต้านเสรีภาพ)

🧠 ยิ่งถูกห้ามยิ่งอยากทำ เพราะรู้สึกว่าเสรีภาพถูกคุกคาม

💬 “เราคงพูดไม่เก่งหรอก → ไม่พูด → พูดไม่เก่งจริง”

📘 → ข้อ 246: Self-fulfilling prophecy (คำทำนายทำให้จริง)

🧠 ความเชื่อเริ่มต้นกลายเป็นจริงเพราะเราทำให้มันเป็น

💬 “ครูบอกว่าเราทำได้ → เราทำได้จริง”

📘 → ข้อ 247: Pygmalion effect (พิฆเมลิออนเอฟเฟกต์)

🧠 คาดหวังเชิงบวกทำให้ผลงานดีขึ้น

💬 “โดนสบประมาท → ยิ่งทำพัง → สมกับที่เขาดูถูก”

📘 → ข้อ 248: Golem effect (โกเล็มเอฟเฟกต์)

🧠 คาดหวังเชิงลบทำให้เราทำได้แย่ลงจริง ๆ

💬 “เขาคิดว่าเราสอบเลขไม่ผ่าน → เครียด → ทำไม่ได้”

📘 → ข้อ 249: Stereotype threat (ภัยจากภาพเหมารวมต่อผลงาน)

🧠 ความเครียดจากภาพเหมารวมทำให้ผลงานแย่ลงจริง

💬 “ตอนโมโหคิดไม่เหมือนตอนเย็นลง”

📘 → ข้อ 250: Hot–cold empathy gap (ช่องว่างร้อน–เย็น)

🧠 เรามักเข้าใจอารมณ์ต่างจากตอนที่เราอยู่ในอารมณ์นั้นจริง ๆ

💬 “กราฟพุ่งแล้ว อ้างว่าเราตั้งใจแบบนั้นตั้งแต่แรก”

📘 → ข้อ 261: HARKing (ย้อนเหตุผลให้ดูตั้งใจ)

🧠 สรุปผลก่อน แล้วค่อยอ้างว่าเรา ‘วางแผนไว้แล้ว’

💬 “งานไม่เวิร์กไม่ต้องโพสต์ก็ได้”

📘 → ข้อ 262: File-drawer problem (งานลิ้นชัก)

🧠 เผยเฉพาะผลดี เก็บผลล้มเหลวไว้ในลิ้นชัก

💬 “ลองไปเรื่อยจนเจอสูตรเวิร์ก แล้วค่อยโพสต์”

📘 → ข้อ 263: Multiple comparisons (ทดสอบหลายครั้งจนผิดพอ)

🧠 ทดสอบหลายแบบโดยไม่ได้ควบคุมความเสี่ยง ทำให้ผลดูสำเร็จแบบผิดพลาด

💬 “p < .05 = จริงแน่!”

📘 → ข้อ 264: p-value fallacy (เข้าใจผิดเรื่องค่า p)

🧠 ค่า p ต่ำไม่ได้แปลว่าจริง แต่บอกโอกาสเท่านั้น

💬 “อ้วนก่อนแล้วค่อยออกกำลัง → สรุปว่าผอมเพราะออกกำลัง”

📘 → ข้อ 265: Reverse causation (สับเหตุผลสลับผล)

🧠 สับสนระหว่างสาเหตุและผลลัพธ์

💬 “พกไฟแช็ก → มะเร็งปอด (จริง ๆ สูบบุหรี่)”

📘 → ข้อ 266: Confounding bias (ตัวแปรแทรกแซง)

🧠 สรุปผิดเพราะไม่ได้ควบคุมตัวแปรอื่น

💬 “คัดเฉพาะคนเก่งหรือมีเส้น → ดูเหมือนว่าเก่งต้องมีเส้น”

📘 → ข้อ 267: Collider bias (การเลือกตัวอย่างผิด)

🧠 กลุ่มที่เหลือดูมีความเกี่ยวข้อง ทั้งที่จริงอาจไม่ใช่

💬 “ใน รพ. เบาหวานกับหอบหืดมาคู่กัน → ดูเหมือนเกี่ยวกัน”

📘 → ข้อ 268: Berkson’s paradox (ความสัมพันธ์ลวงจากกลุ่มเลือก)

🧠 ดูเหมือนมีความสัมพันธ์เพราะคัดมาจากเงื่อนไขพิเศษ

💬 “สำรวจในไอจีส่วนตัว → สรุปแทนทั้งประเทศ”

📘 → ข้อ 269: Convenience-sampling bias (อคติจากตัวอย่างที่สะดวก)

🧠 เลือกกลุ่มใกล้ตัว ทำให้ไม่แทนกลุ่มเป้าหมายจริง

💬 “ชั่งน้ำหนักหลังดื่มน้ำตลอด → ดูเหมือนน้ำหนักขึ้น”

📘 → ข้อ 270: Measurement bias (อคติจากการวัดผล)

🧠 ข้อมูลผิดเพราะวัดไม่แม่นหรือเครื่องมือไม่ดี

💬 📌 “หมอก็จำได้นะว่าเขากินเมนูนั้นบ่อยสุดแน่ ๆ”

📘 🔹 Fallacy 271 — Recall bias | อคติจากความจำคลาดเคลื่อน

🧠 → เป็นการสรุปจากความทรงจำ ซึ่งอาจคลาดเคลื่อนหรือเลือกจำบางสิ่งมากเกินไป ทำให้ผลลัพธ์ผิดเพี้ยน

💬 📌 “ทุกคนตอบว่า ‘ไม่ดื่ม’ กันหมดเลย แบบนี้คนไทยคงไม่ดื่มสุราแน่ ๆ”

📘 🔹 Fallacy 272 — Social desirability bias | อคติเอาใจสังคม

🧠 → ผู้ตอบมักตอบในสิ่งที่สังคมยอมรับหรือดูดี ไม่ใช่ความจริงเสมอ

💬 📌 “พอรู้ว่ามีกล้องวงจรปิด ก็จัดโต๊ะเรียบร้อยทันที”

📘 🔹 Fallacy 273 — Hawthorne effect | ฮอว์ธอร์นเอฟเฟกต์

🧠 → การที่พฤติกรรมเปลี่ยนเพราะรู้ว่ากำลังถูกจับตามอง

💬 📌 “หัวหน้าอยากให้วิธี A ชนะ เลยอธิบาย A ให้ดูน่าเชื่อสุด”

📘 🔹 Fallacy 274 — Observer-expectancy bias | อคติจากความคาดหวังผู้สังเกต

🧠 → ผู้สังเกตหรือวิจัยมีอคติ และทำให้ผลโน้มไปทางที่คาดไว้

💬 📌 “ทำแบบสอบถามครบปี เหลือแต่คนแฮปปี้มาตอบ”

📘 🔹 Fallacy 275 — Attrition bias | อคติหลุดออกกลางทาง

🧠 → ข้อมูลของผู้ที่ออกกลางคันหายไป ทำให้ผลเพี้ยน

💬 📌 “ตรวจเจอโรคเร็วขึ้น = รอดนานขึ้น”

📘 🔹 Fallacy 276 — Lead-time bias | ลีดไทม์ไบแอส

🧠 → ดูเหมือนมีชีวิตยืนขึ้น เพราะตรวจพบเร็วขึ้น ไม่ใช่เพราะการรักษาดีขึ้น

💬 📌 “โรคโตช้าเลยคัดกรองเจอเยอะ ดูเหมือนรักษาได้ดี”

📘 🔹 Fallacy 277 — Length-time bias | เล็งไทม์ไบแอส

🧠 → เคสช้าหรือเบาเจอมากกว่า ทำให้ผลดูดีเกินจริง

💬 📌 “กราฟ KPI พุ่งเลย! บริษัทเราคุณภาพดีแน่นอน”

📘 🔹 Fallacy 278 — Map–territory confusion | สับสนแผนที่กับภูมิประเทศ

🧠 → ตัวชี้วัดไม่ใช่ความจริงทั้งหมด อย่าหลงคิดว่าแผนที่คือโลกจริง

💬 📌 “โมเดลเราเก่งสุดเลย (บนข้อมูลเดิม)”

📘 🔹 Fallacy 279 — Overfitting | โอเวอร์ฟิตติ้ง

🧠 → ทำโมเดลให้ตรงข้อมูลเก่าเกินไป ใช้กับของใหม่แล้วพัง

💬 📌 “ทีมเล็ก ๆ นี้เก่งสุดเลย!”

📘 🔹 Fallacy 280 — Small-study effects | อคติจากชิ้นเล็ก

🧠 → ข้อมูลขนาดเล็กอาจให้ผลเว่อร์เกินจริง เพราะไม่เสถียร

💬 📌 “เรื่องมันก็แค่นี้แหละ พอ! เลิกพูดได้แล้ว”

📘 🔹 Fallacy 281 — Thought-terminating cliché | วลีตัดบท

🧠 → ใช้วลีตัดบทเพื่อหยุดการพูดคุยหรือถกเถียง ไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริง

💬 📌 “ดูคอมเมนต์นี้สิ โง่มาก → ฝ่ายนั้นโง่หมดทั้งกลุ่มเลย”

📘 🔹 Fallacy 282 — Nutpicking | คัดตัวอย่างสุดแย่ของฝั่งตรงข้าม

🧠 → หยิบตัวอย่างแย่สุดของฝ่ายตรงข้ามมาโจมตี แทนที่จะถกเหตุผลจริง

💬 📌 “พูดเรื่องวินัยหน่อย = ฟาสซิสต์!”

📘 🔹 Fallacy 283 — Reductio ad Hitlerum | เทียบฮิตเลอร์เพื่อดิสเครดิต

🧠 → พยายามโยงความเห็นฝ่ายตรงข้ามกับฮิตเลอร์เพื่อให้ดูน่ารังเกียจ

💬 📌 “เป็นห่วงนะ เลิกประท้วงเถอะ”

📘 🔹 Fallacy 284 — Concern trolling | ห่วงใยปลอม

🧠 → แสร้งเป็นห่วงเพื่อดิสเครดิตหรือเบี่ยงเบนไม่ให้ทำสิ่งที่เห็นต่าง

💬 📌 “เราสนับสนุน…ในกรอบที่เหมาะสม”

📘 🔹 Fallacy 285 — Strategic ambiguity | คลุมเครือเชิงยุทธศาสตร์

🧠 → ใช้ถ้อยคำกำกวมเพื่อเลี่ยงความรับผิดหรือไม่ต้องเลือกข้าง

💬 📌 “ไม่ได้ทำ! เธอใส่ร้าย! เราเป็นเหยื่อ!”

📘 🔹 Fallacy 286 — DARVO | ปฏิเสธ–สวน–สวมบทเหยื่อ

🧠 → ใช้เทคนิค Deny-Attack-Reverse Victim เพื่อไม่ยอมรับผิด

💬 📌 “ข่าวปลอมฝั่งนั้น คนของเราทำเองหรอก”

📘 🔹 Fallacy 287 — False-flag claim | อ้างธงปลอม

🧠 → อ้างว่าฝ่ายตรงข้ามปลอมเป็นเราเพื่อดิสเครดิต

💬 📌 “ขอตอบแค่อันง่ายสุดในสิบอย่างที่เธอพูด”

📘 🔹 Fallacy 288 — Weak-man fallacy | เล่นคู่อ่อนสุด

🧠 → โต้แย้งเฉพาะประเด็นที่ง่ายสุด แล้วอ้างว่าชนะทั้งชุด

💬 📌 “เขาบอกว่าจะยึดทรัพย์ทุกบ้าน (ทั้งที่ไม่มีใครพูด)”

📘 🔹 Fallacy 289 — Hollow-man fallacy | ยัดคำพูดให้ฝ่ายตรงข้าม

🧠 → แต่งคำพูดให้ฝ่ายตรงข้าม แล้วค่อยโจมตีคำนั้นแทน

💬 📌 “แชร์ข่าวรัว ๆ เปลี่ยนหัวข้อไว คนตามไม่ทันหรอก”

📘 🔹 Fallacy 290 — Firehose of falsehood | รัวข้อมูลพรั่งพรูหลายประเด็น

🧠 → ใช้ปริมาณข่าวมากปิดบังความจริง ไม่ให้ตามจับผิดทัน

💬 ❝คุณเห็นด้วยใช่ไหมว่าแผนนี้ช่วยชาติได้จริง❞

📘 🔹Fallacy 291 — Push polling | สำรวจแบบชี้นำ

🧠 ตั้งคำถามให้คนตอบเอนเอียงตาม ต้องระวังอคติจากวิธีตั้งคำถามเอง

💬 ❝ยังไม่รู้ว่าปลอดภัยแค่ไหน งั้นยกเลิกไว้ก่อนเลยดีกว่า❞

📘 🔹Fallacy 292 — Misuse of the precautionary principle | ใช้หลักระวังเกินเหตุ

🧠 การอ้าง “เพื่อความปลอดภัย” ทั้งที่โอกาสเสี่ยงน้อยมาก ทำให้ตัดสินใจแบบสุดโต่ง

💬 ❝ดูสิ คนในกรุ๊ปก็บอกหมดแล้วว่าเห็นด้วย❞

📘 🔹Fallacy 293 — Voluntary-response bias | อคติจากการตอบสมัครใจ

🧠 กลุ่มที่เลือกตอบเองมักมีอคติหรือความเห็นแรงกว่าค่าเฉลี่ยจริง

💬 ❝เกมนี้ทำเด็กติด ขโมยของแน่❞

📘 🔹Fallacy 294 — Moral panic | ตื่นตระหนกทางศีลธรรม

🧠 การเหมารวมสิ่งใหม่ว่าอันตรายเกินจริง โดยขาดหลักฐานรองรับ

💬 ❝โพสต์หัวร้อน = ยอดพุ่งแน่นอน❞

📘 🔹Fallacy 295 — Rage-baiting | ยั่วยุให้คนโกรธ

🧠 กระตุ้นอารมณ์ให้เกิดดราม่าเพื่อดึงความสนใจ อาจทำให้สังคมแย่ลง

💬 ❝บัญชีนี้ตอบเห็นด้วยกับเราทุกโพสต์เลย❞

📘 🔹Fallacy 296 — Sockpuppeting | ตุ๊กตาเงา (บัญชีปลอม)

🧠 ใช้หลายบัญชีเสมือนสร้างภาพว่ามีเสียงสนับสนุนมาก ทั้งที่เป็นคนเดียวกัน

💬 ❝ไม่ตอบคำถามพวกนี้หรอก มันไม่มีสาระ❞

📘 🔹Fallacy 297 — Non-denial denial | ปฏิเสธแบบไม่ปฏิเสธ

🧠 หลบเลี่ยงคำตอบตรงๆ โดยปัดว่าไม่ควรตอบ หรือเบี่ยงไปเรื่องอื่น

💬 ❝ก็พูดเล่นไง ทำไมต้องจริงจัง❞

📘 🔹Fallacy 298 — Schrödinger’s douchebag | ด่าแล้วบอกล้อเล่น

🧠 ใช้คำพูดแรง พอถูกวิจารณ์ก็บอกว่าแค่ล้อเล่น เป็นเกราะป้องกันความรับผิด

💬 ❝คุณไม่เห็นด้วยกับการทำร้ายสัตว์ใช่ไหม?❞

📘 🔹Fallacy 299 — Loaded framing trap | กับดักกรอบคำถาม

🧠 ตั้งคำถามที่ชี้นำให้ดูดีถ้าเห็นด้วย แต่ถ้าไม่เห็นด้วยจะดูผิดศีลธรรมทันที

💬 ❝ขอเล่าประวัติบริษัท 50 ปีก่อน ก่อนตอบคำถามนี้นะ❞

📘 🔹Fallacy 300 — Topic derailment | เบี่ยงประเด็นให้หลุดหัวข้อ

🧠 พาเนื้อหาออกนอกเรื่องเพื่อตอบไม่ได้ หรือเบี่ยงเบนการสนทนาไปทางอื่น

Scroll to Top
niceporcelain.org